วันนี้มาตามความใฝ่ฝันว่าอยากแต่งชุดแสวงบุญนี้มา ราคาเช่า 3,000 เยน สำหรับการจองชุดสอบถามรายละเอียดเมื่อถึงเมืองชิงกูได้ที่หน่วยงานการท่องเที่ยว ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Shinguหรือ เมล์สอบถามรายละเอียดก่อนเดินทางถึงเมืองได้ที่นี่ >> https://www.shinguu.jp/en

การเดินทางมายังที่นี่ไม่ยากเลย สำหรับใครที่เดินทางมาที่นี่สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า หรือนาโกย่าก็ได้ และสามารถใช้พาสของ JR ได้เช่นกัน

เดินทางจากสถานีนาโกย่า : ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 21 นาที ด้วยการโดยสารรถไฟสาย Limited Express Wide view Nanki

เดินทางจากสถานี Shin Osaka : ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 20 นาที ด้วยรถไฟสาย Limited Express Kuroshio

วันนี้ก็เดินทางด้วยรถไฟรูปหล่อขบวนนี้แหล่ะค่ะ

รถไฟโลคอลเค้าก็มีถือเป็นสถานีที่มีการเดินทางได้สะดวกพอสมควรแต่อาจจะไกลนะคะ ถ้ามาด้วยแรงศัทธาคงไม่ไกลเกินไป

เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ค่ะ มานอนสักสองคืน เพื่อสัการะ แสวงบุญ และที่เที่ยวที่นี่สวยๆ เยอะเลยค่ะ

อาคารโรงเรียนแห่งนี้ได้อยู่ในการ์ตูนเรื่อง โทโทโระ ซึ่งผู้เขียนได้นำโรงเรียนแห่งนี้ไปประกอบเป็นฉากนึงในการ์ตูนด้วยนะคะ

ใครที่มาถึงแล้วเช่ารถก็เป็นวิธีที่ดีนะคะ อยู่ข้างหน้าสถานีเลย

ตรงข้ามสถานีมีหน่วยงานการท่องเที่ยวคอยให้บริการในเวลาราชการ ที่นี่มีสบู่หน้าใส และช่วยรักษาโรคผิวหนังตามร่างกายได้ขาย มีเสื้อ และกระเป๋า รวมถึงของที่ระลึกของเมืองขาย สามารถอุดหนุนได้นะคะ

สัญลักษณ์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่จะมีอีกาสามขาเป็นโลโก้ในหลายๆ อย่างเลยค่ะ เอาหล่ะ ตามมาดูจุดรับพลัง และหนึ่งในเส้นทางแสวงบุญกันค่ะ

1. ศาลเจ้า คุมาโนะฮายะทามะไทชะ (熊野速玉大社) ถึงศาลเจ้านี้จะมีสาขามากมายในญี่ปุ่น แต่ที่นี่มีความเก่าแก่ที่ถูกบันทึกไว้ว่ามากกว่า 1,300 ปีมาแล้ว และพันกว่าปีที่มีการบันทึกเรื่องราวของการแสวงบุญ ที่นี่ต้นไม้ศักสิทธิ์ที่มีอายุกว่า 800 ปี และหากใครที่เดินทางมาที่นี่ควรที่จะเก็บใบนางินี้กลับไปเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ หรือเก็บไว้กับตัวเพื่อเป็นเครื่องราง

อีกทั้งที่นี่ยังมีสมบัติของชาติที่ถูกเก็บไว้ในอาคารหนึงของศาลเจ้าซึ่งหากต้องการเข้าชมให้แจ้งเจ้าหน้าที่ศาลเจ้าเนื่องจากไม่มีคนเฝ้าดูแลทั้งวัน เค้าบอกกันว่าเข้ามาที่นี่จะลืมเรื่องทุกข์ใจ เข้ามาแล้วอากาศจะสะอาดมากๆ คนที่มาขอเรื่องคู่ครองก็มาที่นี่ได้เพราะเทพเจ้าที่ดูแลที่นี่เป็นคู่รัก อีกทั้งยังสำคัญกับคนเล่นกีฬาต่างๆ โดยเฉพาะฟุตบอลเดี๋ยวตามไปดูกันค่ะว่าจะจริงรึเปล่า

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้แหล่ะค่ะ มาแล้วจงมารับพลังกันที่นี่เลย

วันนี้เรามีนักบวชของศาลเจ้ามาเล่าเรื่องราวตามประวัติศาสตร์เลยค่ะ ถือเป็นสิ่งเลอค่ามากๆ ในวันนี้

เข้ามาที่นี่แล้วจะมีเป็นการรีเฟรชตัวเอง ไม่ว่าจะเครียดมาจากที่ไหน เข้ามาที่นี่จะลืมไปหมด สูดอากาศได้เต็มปอดอากาศที่นี่บริสุทธิ์มากๆ จริงมากๆค่ะ ที่นี่เป็นจุดที่มีพลังงานสูงมากๆ สมองโล่งจริงๆ เมื่อเดินเข้ามา

เครื่องรางต่างๆ มาเช่าได้เลยค่ะ

เคยเห็นกันมั๊ยคะ เครื่องรางสายกีฬาเพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหล่ะ! ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นอีกาสามขารึเปล่านะ

อย่างที่บอกความรักก็ขอได้ นักกีฬาก็ขอได้ ความทุกข์ที่มีในใจ การป่วยไข้ด้วยโรคใจ ลองมาเลยค่ะ

นับเป็นศาลเจ้าที่มอบความโล่ง ความปลอดโปร่งให้กับเรามากๆ

ที่สำคัญที่นี่สวย มาถ่ายรูปเล่นก็ได้เช่นกัน

บทจริงจัง ฟังเทศน์ฟังธรรมเราก็มี สำหรับใครต้องการร่วมพิธีกรรมต่างๆ ก็สามารถติดต่อได้ที่ศาลเจ้า ตามปกติจะต้องติดต่อล่วงหน้า แต่เนื่องจากเราอยู่ต่างประเทศอาจจะไม่ค่อยเข้าใจในภาษาขณะติดต่อทางโทรศัพท์ เค้าจึงบอวก่าเราสามารถที่จะมาขอพรด้านในได้โดยแจ้งเจ้าหน้าที่เลยค่ะ

มาตรงที่ขายเครื่องรางแล้วเขียนชื่อนามสกุลภาษาอังกฤษ จากนั้นก็เข้าร่วมพิธีได้เลย

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของศาลเจ้าแห่ง พร้อมกับเส้นทางแสวงบุญครบคอร์สของที่นี่ได้ที่นี่ >> https://www.jnto.or.th/newsletter/wakayama-3/ 

2.Kumano sankemichi (Koyazaka) แต่แอดไปไม่ถึงเส้นทางแสวงบุญตรงกลางเพราะใช้เวลาชม. ครึ่งด้วยการเดิน เลยชมวิว แล้วเดินเล่นชายหาดแทนละกัน
แต่ที่นี่เป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปสวย ทะเลที่โคยะซากะสีสวยแต่ลงเล่นไม่ได้เพราะลงไปแล้วลึกเลยค่ะ หินเยอะด้วย

บริเวณทางขึ้น เขียวสวยมากๆ ค่ะ ที่นี่ต้องขับรถมานะคะ เดินทางจากสถานีไม่ได้ค่ะ ไกล

ลงมาที่ชายหาดก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ

มีรางรถไฟอยู่ด้านบน

ถ้าดูจากทางขึ้นเขาก็จะเป็นแบบนี้

ไม้นี้คนชอบนำกลับบ้านกันค่ะ

และก้อนหินที่นี่กลมเกลี้ยง ผ่านการกัดเซาะน้ำทะเลมาเป็น ร้อยๆปี เค้านิยมนำกลับบ้านแต่อีฮั้นไม่กล้าจริงๆ เอาไว้ที่น่แหล่ะ ที่นี่มีหินแบบนี้เต็มไปหมดค่ะ

ถ้ามองจากด้านบนก็จะสวยแบบนี้

แต่ถ้าลงมาข้างล่างก็จะสีสวยแบบนี้แหล่ะค่ะ

3. ศาลเจ้า คามิคุระ (神倉神社) ด้วยความสูงและความศักดิ์สิทธิ์ของหินบนยอดผานี้ ทำให้ทุกๆ คนที่มีแรงศัทธาไม่กลัวที่จะขึ้นมาสัการะ และรับพลังกลับไป

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี เมือง Shingu จะมีการจัดเทศกาล Oto matsuri (お燈まつり) เป็นการถือคบเพลิงขึ้นเขา Kamikura เพื่อไปยังศาลเจ้า Kamikura
ซึ่งต้องถือคบเพลิงขึ้นเขาด้วยบันไดหิน 538 ขั้น ในเวลา 20:00 น. ถ้าใครมาถึงเมือง Shingu ก็จะเห็นรูปปั้นนี้ตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟเลค่ะ ซึ่งรูปปั้นผู้ชาย และเด็กชายถือคบเพลิงนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมือง

ในวันนั้นหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จะแต่งกายด้วยผ้าสีขาว และสิ่งที่เป็นที่สุดสำหรับเทศกาลนี้คือจะมีผู้ชายเพียง 2,000 คนเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปสักการะหินที่เป็นพาเวอร์สปอต Gotobiki (ゴトビキ) ที่ตั้งอยู่บนผา

ถ้านับได้ครบ 2,000 คนแล้ว จะปิดประตูทันที ผช. เท่านั่นนะคะ ผญ. จะร่วมเทศกาลนี้ไม่ได้น้า การจัดเทศกาลนี้ทำเพื่อเชิญฤดูใบไม้ผลิให้มาเยือนไวไว เพื่อนสามารถร่วมเทศกาลนี้ได้ในปีหน้านะคะ แต่อาจจะต้องทำการสอบถามที่หน่วยงานการท่องเที่ยวก่อนเพราะต้องมีการซื้อชุดในการร่วมพิธี

ความยากของการปีนขึ้นไปคือบันไดหินมีความชัน และไม่เท่ากัน เพราะเป็นหินที่ไม่ได้ทำให้ขนาดเท่ากัน ความศัทธาเท่านั้นค่ะ ที่จะทำให้เราขึ้นไปถึงได้อย่างสบายๆ ประตูตรงเสาโทริอิเนี่ยแหล่ะค่ะ ที่เค้าจะปิดเลยถ้าขึ้นไปครบสองพันนาย

ตอนเดินขึ้นไปนั้น เห็นบันไดหิน บอกเลยท้อใจมากมาย ห้าาาาา

ก็ดูสิคะ มองกลับหลังไปทั้งชัน ทั้งหินเดินยากแบบนี้ เป็นใครๆ ก็กลัว อายุก็ไม่ใช่น้อย

เชื่อมั๊ยพอเดินทางมาถึงคือดีใจ แล้ววิวที่ได้คือคุ้มค่ามากๆ หายเหนื่อยเลย

มารับพลังกันค่ะ

วิวนี้หลักล้านเลย

เพื่อนๆ ที่สนใจแสวงบุญแบบนี้ แนะนำเลยค่ะ มาที่นี่แล้วหัวใจจะพอโตกลับไป ชิงกูเมืองที่จะรีเฟรชให้กาย และใจทุกๆ คน