เที่ยวละไมขับรถไปในอาคิตะ

อาคิตะเป็นอีกจังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุที่ชอบไปมากๆเพราะอาหารอร่อย บ้านเมืองสวยงาม และมีร้านสวยๆ คาเฟ่แนวๆ หลายที่ แถมยังมีหลายที่ ที่เป็นจุดรับพลัง พาเวอร์สปอตอีกด้วยค่ะ

วันนี้จะพามาจุดที่ได้ทั้งสัมผัสวัฒนธรรม และถ่ายรูปสวยๆ ไปในคราวเดียวกันซึ่งเชื่อว่าถ้าเพื่อนๆ มาน่าจะได้ภาพสวยๆ กลับไปแม้ในวันที่ฝนตกก็ตาม

การเดินทาง สามารถทำได้ทั้งด้วยการโดยสารรถไฟชินคันเซน และเครื่องบินค่ะ สำหรับใครที่มีพาสก็สามารถเดินทางด้วยรถไฟมาถึงจังหวัดอาคิตะได้

ส่วนใครที่ชอบความรวดเร็ว หรืออยากต่อเครื่องจากสนามบินฮาเนดะทันทีที่มาถึงญี่ปุ่นก็สามารถโดยสารเครื่องบินมาลงที่สนามบินอาคิตะได้ค่ะ

ก่อนอื่นขอแนะนำการเช่ารถจากสนามบิน คลิกเพื่อดูรีวิวการเช่ารถจากสนามบินที่นี่ !

เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะมาขับรถพาเพื่อนปักหมุดไป 8 จุดแนะนำในอาคิตะกันค่ะ

1.บ้านนามาฮาเกะศูนย์สืบทอดวัฒนธรรม โองะ ชินซัง และพิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (Oga Shinzan Folklore Museum)

เมื่อเรามาถึงจังหวัดอาคิตะ เราจะเห็นยักษ์นามาฮาเกะเต็มไปหมด ซึ่งยักษ์นามาฮาเกะเนี่ยเป็นตัวแทนเทพเจ้ามาขับไล่สิ่งไม่ดี ความขี้เกียจ หรือขับไล่สิ่งชั่วร้ายในตัวคนออกไปค่ะ และยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกทางวัฒธรรมทั้งของในญี่ปุ่นและองค์กรยูเนสโกอีกด้วยนะคะ จึงถือว่ายักษ์นี้เป็นผู้ส่งสารของพระเจ้าในดินแดนศักสิทธิ์แห่งนี้ ว๊าวมากๆ ค่ะ เมื่อก่อนที่บริษัทจะเชิญยักษ์จากอาคิตะไปขับไล่สิ่งไม่ดีทุกๆ ปี เพิ่งเข้าใจถ่องแท้ก็เมื่อมาเยือนที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เนี่ยแหล่ะค่ะ

ภายในศูนย์สืบทอดวัฒนธรรมจะได้ชมการอัญเชิญเทพเจ้าแห่งความสุข สิ่งไม่ดีในตัวเราจะพ่ายแพ้เมื่อพบกับนามาฮาเกะ

นอกจากยักษ์จะเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดไปแล้ว แต่ที่นี่ยังมีเทศกาลนามาฮาเกะซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงสิ้นปี ผช.ในหมู่บ้านจะใส่ชุดยักษ์ที่ทำจากเชือก สวมวิกผมยุ่งๆ และหน้ายักษ์ เพื่อไปเคาะตามบ้านแล้วเข้าไปเสาะหาเด็กๆ ที่ขี้เกียจ หรือทำตัวเกเร โดยจะต้องมีหัวหน้าครอบครัวมาให้คำมั่นสัญญากับยักษ์ว่าจะดูแล สั่งสอนเด็กๆ ตักเตือนให้เป็นคนดี

ในพิพิธภัณฑ์จะมีการแสดงนามาฮาเกะ ในตัวบ้าน และยักษ์เองก็จะเข้าไปหาเด็กๆ ที่ร่วมชม สร้างความสนุกสนานให้กับโชว์มากๆ ตรงที่เด็กบางคนจะหัวเราะเด็กที่กลัว น่ารักมากๆ เลยค่ะ

ถ้าเราพอจะเข้าใจเรื่องราวว่าเค้ามีไว้เพื่อขับไล่ความไม่ดี ถ้าฟังญี่ปุ่นไม่ออกก็สามารถสนุกไปด้วยกันได้นะคะ

การเดินทาง จากสถานีฮาดาจิ เดินทางด้วยรถยนต์ 15 นาที

ค่าเข้าในส่วนงานแสดงพิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ 540 เยน / เด็ก 270 เยน

สามารถใส่ชุดถ่ายรูปได้ พิพิธภัณฑ์เปิดตลอดปีไม่มีวันหยุด

ศูนย์สืบทอดวัฒนธรรม โองะชินซัง ค่าเช้าชมพิพิธภัณฑ์ได้รวมไว้ในนี้แล้ว

เดือนเมย. – พย. 864 เยน /เด็ก 540 เยน

เดือนธค. – มีค. 1,080 เยน /เด็ก 756 เยน

พิกัด : https://goo.gl/maps/ZYkcn1h6gxt8zv9JA

2.ศาลเจ้าชินซัง Shin zan – jinja

ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ ภูเขาแห่งนี้ได้เป็นจุดปีนเพื่อที่จะอธิษฐานให้ภารกิจที่ต้องการทำนั้นสำเร็จ และในอดีตยังเป็นจุดขอพรให้ปลอดภัย และอายุยืนยาวสำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ ถ้าจะเดินให้ครบคอร์สแสวงบุญจะต้องใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางจะมีวิหารบูชาไปเรื่อยๆ ด้านหลัง ช่วงวันที่ 3 ของปีใหม่จะมีการถือคบไฟขึ้นไปบนภูเขาโดยนามาฮาเกะ

เดินทางด้วยรถยนต์จากพิพิธภัณฑ์เพียงสามนาที

นับเป็นอีกหนึ่งจุดพาเวอร์สปอตที่สายมูต้องมารับพลังจากที่นี่ให้ได้นะคะ

ความเก่าแก่ของศาลเจ้าต่างๆ กว่าจะขึ้นไปครบน่าจะได้ภาพที่สวยงามมากๆ แต่ต้องมีเวลาว่างๆ จริงๆ เราเอาแค่ 3 ศาลเจ้าพอค่ะ
เป็นจุดที่แนะนำให้ไปค่ะ
ดูจากด้านบนตอนแรกจะคิดว่าจบแค่นี้ เดินไปได้เรื่อยๆ หลังศาลเจ้านะคะ เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าต้องมีเวลามากๆ จริงๆ ถึงจะเก็บครบ ระยะทางเกือบสี่กิโลนั่นคือไม่ใช่ทางราบ
เราจึงตัดสินใจลง
และมาขอพรด้านล่าง แลดูจะเหมาะกับพวกเรามากกว่า
ที่นี่ก็เป็นจุดที่มีงานเทศกาลนามาฮาเกะด้วย ถ้าช่วงนั้นอาจจะมีคนเยอะมากๆ
ชอบญี่ปุ่นตรงความใส่ใจเค้าดี ขนาดป้ายห้องน้ำยังต้องเป็นธีมยักษ์ค่ะ น่ารักจริงๆ

3.หินก็อตซิล่า ゴシラ岩 

หินลาวาที่มีมานานแสนนานหน้าตามเหมือนก็อตซิล่า และในบางฤดู พระอาทิตย์ใกล้จะตก จะมาตรงกับปากของก็อตจิพอดี เลยทำให้เหมือนก็อตซิล่าคาบลูกแก้ว

จุดประสงค์ของเราคือมาดูพระอาทิตย์ตกตรงกับปากน้อง
แต่มาถึงแล้วรอสักพักจึงรู้ว่าพระอาทิตย์นั้นจะต้องอีกทางนึง
เราเลยไม่ได้รูปก็อตจิคาบลูกแล้ว แต่ก็ถึงเป็นจุดชมวิวที่สวยจุดนึง
และฤดูไหนที่ตรงกับป้องน้องพอดีเหรอ
ขอไปหาคำตอบแล้วมาบอกอีกทีนะคะ

พิกัด : https://goo.gl/maps/RdjzwzyZ1Gi5tNsK8

การเดินทาง ขับรถ 1.45 นาทีจากสนามบินอาคิตะ และเดินทางด้วยการขับรถจากสถานีอาคิตะ โดยใช้เวลา 1 ชม.

4.ศาลเจ้า Akagami jinja

ที่นี่มีวิหารของศาลเจ้าถึงห้าวิหาร และมีต้นไม้ใหญ่หลายร้อยปีให้เราได้รับพลังกลับไป

การเดินขึ้นศาลเจ้านั้นต้องเดินถึง 999 ขั้นบันไดหิน หากเจอไม้ที่เค้าให้ช่วยค้ำในตอนขาขึ้น ก็ควรนำติดมือขึ้นไปด้วย เพราะอาจจะมีบางจุดที่ขึ้นลงยาก

การเดินขึ้นไปรับพลังด้านบนนอกจากเมื่อเดินทางขึ้นไปถึงแล้วจะรู้สึกอิ่มใจ แล้วยังจะฟินกับการชมวิวด้านล่างอีกด้วย ข้างบนนอกจากอากาศจะบริสุทธิ์มากๆ หายใจได้เต็มปอดแล้ว ยังถือเป็นสถานที่ศักสิทธิ์อีกด้วย

Gonado เป็นวิหารกลาง ถือเป็นวิหารหลักของศาลเจ้า Akagami และเป็นที่มีของศาลเจ้า Akajin ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของ Akagami ซึ่งเป็นเทพที่ดูแลวิหารหลัก Chuo-do ที่สร้างในปี คศ. 1216 วิหารอื่นๆ จะมีชื่อเรียกดังนี้ Juzendshido, Aachiojido, Nakado (Akajin Gongendo), Maroudo Gongendo และ Sannomiyado ซึ่งวิหารที่สร้างเพิ่มจากวิหารหลักได้สร้างในปี 1710 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติในปี 1990 ซึ่งได้มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในปี 1998 – 2001 รวมระยะเวลาซ่อมแซม 3 ปี

บันไดเห็นแบบนี้จริงๆ ชันมากมาย ทำไมถ่ายรูปออกมากดูราบเรียบเกินไปหน่อย

การเดินทาง : จากสถานี JR Oga โดยสารแท็กซี่ หรือขับรถ 12.4 กม.

การโดยสารบัสสามารถโดยสารจากหน้าสถานี Oga ด้วยบัสสายสีฟ้า หมายเลข 2 ป้ายรถบัส Monzen 門前 ค่าโดยสาร 400 เยน ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชม.

พิกัด : https://goo.gl/maps/XeWkHWiBv7MfPfB86

5.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Oga Aquarium GAO

ที่นี่มีหมี แพนกวิน ปลาไหลไฟฟ้า และสัตว์น้ำน่ารักๆ อีกมากมายรอให้เราชมค่ะ ถ้ามาแล้วก็จะไม่ผิดหวังเด็กๆ น่าจะสนุกเลยค่ะ คนไม่เยอะด้วย

ก่อนจะเข้าไปซื้อตั๋วต้องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนนะคะ

ที่นี่มีสัตว์น่ารักมาก พร้อมตู้ปลาขนาดใหญ่

พี่หมีขาวสวยมาก ขนราวกับเส้นไหม ฟรุ้งฟริ้งมาก
ปลากระเบนที่นี่ดูเป็นมิตรมากๆ ชอบตามคน
เต่าก็เช่นกัน
เพนกวินน่ารักมาค่ะ ส่วนน้องแมวน้ำก็ขี้เล่น
ตัวนี้น่ากลัวมาก มีไฟติดด้วยอ่ะ ไม่ต้องสืบเลยถ้าเราไปใกล้อาจะมีตาย ห้าาาาา โคมไฟของเทศกาลคันโตที่ติดไฟข้างขวาของรูปนั้นมาจากปลาไหลนะคะ

การเดินทาง ขับรถ 1.30 นาทีจากสนามบินอาคิตะ และเดินทางด้วยการขับรถจากสถานีอาคิตะ โดยใช้เวลา 1 ชม. 25 นาที

พิกัด : https://goo.gl/maps/yy2JQHtyVGtLEx6A9

6.พิพิธภัณฑ์ โยโคะเทะ มะสุดะ มังงะ (増田まんが美術館) Masuda Manga Museum

พิพิภัณฑ์ที่รวมผลงานในเมืองโยโคะเทะ ได้รวบรวมผลงานการเขียนมังงะมากกว่าแสน ชิ้นมารวมอยู่ที่นี่
ที่นี่จะมีโซนที่เป็นอีเว้นท์และโซนที่มีผลงานของศิลปินมากว่า 179 ท่านจัดแสดง
เหมาะสำหรับท่านที่ชื่นชอบการ์ตูนญี่ปุ่น
ภาพหลายๆ ภาพสื่อถืงชีวิตในชนบทซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่ง หรือตอนหนึ่งในหนังสือการ์ตูนด้วย
ชอบในส่วนของห้องนักเขียนที่เอามาให้ดูความเป็นจริง และภาพหลายๆ ภาพคือลายเส้นสวยมากๆ จริงๆ
คือเก้าอี้นั่งรอก็เป็นคำที่ในการ์ตูนชอเขียนแสดงอารมณ์ หรือในคาเฟ่ก็มีภาพสามมิติตามโต๊ะนั่ง เหมือนเราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของการ์ตูนเลย

พิกัด : https://goo.gl/maps/ZceVX2VnFz53nwkj7

7.หมู่บ้าน Yokote หรือ Akita Furusato Village

เป็นเมืองที่ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านโชว์ของสะสม ของทำมือ เก๋มากๆถ้าใครมาอาคิตะแอดแนะนำให้แวะมาถ่ายรูปที่เมืองนี้ ร้านอุด้งก็เมืองนี้เลย

หมู่บ้านนี้มีร้านอร่อยเยอะอยู่
โทนบ้านของที่นี่จะเน้นเป็นสีดำ
อาคารสวย ถ่ายรูปสวยมากค่ะ
ตอนแรกเข้ามาในหมู่บ้านนี้คือไม่ได้คิดว่าจะสวยแบบนี้
ไม่คิดว่าอาคิตะจะมีหมู่บ้านแบบนี้เหลือหลายจุด
คาเฟ่แบบบ้านๆ น่ารักมากๆ ค่ะ
หลายร้านน่าเข้าไปมาก แต่เราต้องเลือกเข้าเพราะอาจจะมีเวลาไม่มากเนื่องจากไม่คิดว่าที่นี่จะสวยแบบนี้ รอบหน้าขอแก้ตัว
เพื่อนๆ ที่สนใจตามรอยจัดได้เลยนะคะ แนะนำจริงๆ ค่ะ

พิกัด : https://goo.gl/maps/b5hCVpVSwQYVFsWX9

8.หมู่บ้านซามุไรคาคุโนะดาเตะ

ที่นี่มีถนน Bukeyashiki ที่มีความสวยงามของบ้านขุนนาง ซามุไรเก่าที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่นๆ ที่นี่เคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมากๆ การเดินทางมาชมบ้านบางหลังถูกเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และบางหลังได้เปลี่ยนเป็นร้านค้าที่ยังคงความดั้งเดิมของตัวอาคาร และมีรถลากเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แนะนำให้ใช้บริการในการชมเมือง

เมืองนี้ถูกสร้างโดย Yoshikatsu Ashina ในปี 1620 ซึ่งในยุคนั้นเป็นปราสาทที่รุ่งเรืองมั่งคั่งของกลุ่ม Satake ในยุคนั้นมีชื่อเรียกกันว่า Uchimachi

วันนี้เราจะเลือกเข้าชมบ้านเก่าซามุไร Aoyagi Samurai Manor Museum (角館歴史村・青柳家)

ถ้าเราเดินทางมาช่วงเวลาใบไม้แดง และซากุระที่นี่จะสวยมากๆ และเป็นจุดที่สวยที่สุดในการชมซากุระจุดหนึ่งในญี่ปุ่น
ตามเข้ามาดูบ้านด้านในกันค่ะ
ที่นี่มีบ้านแบบนี้หลายหลังค่ะ
แต่ละหลังจะต้องเสียค่าเข้าชมเพื่อนำไปบำรุงรักษาบ้านให้มีความสวยงามเป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้รุ่นลูกหลานต่อๆ ไป
แอบมีกาจาปอง ห้าาาาา น่ารัก
ด้านในก็จะมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และชุดนักรบ ซามุไร รวมถึงอาวุธต่างๆ ด้วยค่ะ แนะนำให้ไปชมเพราะนอกจากจะได้ความรู้ แล้วยังถ่ายรูปสวยอีกด้วย ด้านในมีสวนค่ะ

การเดินทาง จากสถานี เจอาร์ คาคุโนะดาเตะ (JR Kakunodate) ด้วยการโดยสารรถไฟอาคิตะชินคันเซนจากโตเกียวใช้เวลาประมาณ 180 นาที (ใช้ JR Pass ได้) จากนั้นใช้เวลาเดินไปยังหมู่บ้าน 20 นาที หรือสามารถเริ่มเช่ารถยนต์ได้จากหน้าสถานี

พิกัด : https://goo.gl/maps/ZLtgdAi1bCELtvmm9

ที่พักแนะนำ : โรงแรมเมโทรโปลิแทนซ์ อาคิตะ ติดอาคารสถานี แวดล้อมไปด้วย 3 ห้าง สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมครบ อาหารเช้าอร่อย

ห้องพักคือกว้างมากๆ และใหม่ สะอาด มีที่จอดรถแต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองนะคะ แต่ก็เรียกว่าคุ้มค่าเดินไปไหนก็ง่าย
วิวหลังห้อง
ห้องเป็นห้องน้ำแบบนี้ค่ะ
อ่ะให้ดูในส่วนด้านหน้า ชอบกระจกมากๆ บานใหญ่โต เช้ามาหมุนรอบตัวได้เลย
วางของได้ นอนกลิ้งบนโซฟาได้
ห้องน้ำก็กว้างมากๆ ค่ะ ดีงาม แนะนำเลยจริงๆ

คลิกเพื่อจองโรงแรมได้ที่นี่ !

ร้านอาหารแนะนำ

ของขึ้นชื่อประจำเมืองคือ คิริทัมโปะ ซึ่งทำจากข้าวที่ถูกตำจนเหนียว แล้วทาด้วยซอสมิโซะ จากนั้นนำมาย่างแล้วใส่ลงในนาเบะ หรือหม้อไฟ

วันนี้ร้านที่เราแนะนำจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมือง

ยากิโซบะร้านนี้ซอสไม่เหมือนกับทางโตเกียวค่ะ อร่อยมากๆ หอม และเส้นเด้งมากๆ ราคามิตรภาพสุดๆ

ราเมงทะเล อันนี้น้ำซุปเด็ดมากๆ รสชาติ ถูกปากคนไทย เติมพริกไปนิด คือแซบเลยค่ะ

แนะนำว่าต้องทานค่ะ ราเมงนี้ดีต่อใจสุดๆ ไปเลย

ดูวิธีการเช่ารถ คลิกที่นี่ >> https://sonoko.life/2020/12/15/akita-rent-a-car/

2 replies

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s