วันนี้จะพาเพื่อนๆ นั่งชินคันเซน ไปเที่ยวฟุกุชิมะ จังหวัดที่เดินทางไปได้ง่ายๆ ด้วยรถไฟ และเมืองที่จะพาไปนั้นมีความสวยงามในแต่ละฤดูที่แตกต่างกัน แต่สำหรับช่วงที่ไปนั้นมีเทศกาลพิเศษ แห่โคมไฟ โยอิมัตสึริ(宵祭り) ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีเพียงปีละ 1 ครั้งก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูใม้ร่วงอย่างเต็มตัว ปีนี้จึงคิดว่าเป็นอะไรที่พลาดไม่ได้ต้องไปดูให้ได้ เลยเป็นที่มาของทริปนี้เลยค่ะ

เมืองที่เราจะไปในวันนี้ ชื่อว่าเมือง Nihommatsu (日本松) ซึ่งสามารถเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซนประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า

จากนั้นเดินทางด้วยรถไฟโลคอล ใช้เวลาเพียง 20 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ

การเดินทางจากโตเกียว
เพื่อนๆสามารถเดินทางได้จากสถานีโตเกียว หรืออุเอโนะ เพื่อโดยสารรถไฟ Shinkansen สาย Yamabiko เพื่อลงที่สถานี Koriyama (郡山)โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง 25 นาที จากนั้นโดยสารรถไฟ Local ที่นั่นเพื่อไปยังสถานี Nihommatsu (二本松)โดยใช้เวลาอีก 23 นาที ค่าโดยสารสำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ซื้อโทโฮคุพาส หรือเจอาร์ เรียลพาส นั้นจะอยู่ที่ 8,780 เยน

เมื่อเดินทางมาถึงที่ Nihommatsu แล้วรู้สึกเคว้งคว้าง ไปทางดี หรือต้องการรับข้อมูลต่างๆ ในเมืองสามารถขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวได้รวมถึงร้านอาหาร หรือร้านขึ้นชื่อต่างๆ ในเมืองสอบถามได้ที่นี่เลยค่ะ

และสำหรับในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะสวยแบบนี้เลยในสวนด้านในของปราสาทขอบคุณภาพจากน้องเบิร์ด เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม

ในช่วงที่มีซากุระบานก็น่ามากๆ เลย ภาพนี้ถ่ายจากหน่วยงานการท่องเที่ยวเค้ามีแปะไว้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นที่ยอดเขาของปราสาทเอย ถนนที่เป็นเหมืองอุโมงค์ซากุระตามภาพค่ะ ใครต้องการไปก็คงทำให้เพื่อนๆ ได้ชมความสวยในแบบ unseen ไม่ซ้ำใครได้อีกจุดนึง

เอาหล่ะวันนี้เราจะมาเข้าถึงสิ่งที่ตั้งใจมากมากๆ เลยค่ะ 1 ปีมีครั้ง เทศกาลที่อยากชมความยิ่งใหญ่และความร่วมมือร่วมใจกันของทั้ง 7 หมู่บ้านจะเป็นยังไงไปชมกันค่ะ มัตสึริหรืองานเทศกาลนี้มีชื่อว่าโยอิ มัตสึริ การแห่โคมไฟ ของหมู่บ้านทั้ง 7 โดยมีการนำรถที่ประดับด้วยไฟ และด้านในมีเกี้ยวพร้อมกลองไทโกะทั้งหมดหมู่บ้านละ 1 คัน รวมทั้งหมดเป็น 7 คัน
และไหนๆจะมาชมโคมไฟเค้าแล้วเรามาดูกันว่า นอกจากกิจกรรมชมโคมไฟแล้วเรามีอย่างอื่นทำได้อีกมั้ยสำหรับเมืองนี้ เผื่อเพื่อนๆ ที่จะมากันช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้ไปเช้าเย็นกลับก็ได้ มาค้างก็ดี ดูแล้วปักหมุดเลยค่ะ

เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ช่วงเช้านี่เค้ามีการแห่รถด้านในของขบวนแห่โคมในคืนนี้ที่ปราสาทพอดีเลย เราเลยมาที่ปราสาทค่ะ แล้วก็ทันพอดีได้เก็บภาพเวลาที่ถึงประมาณ 9:30 น.

ปราสาทแห่งนี้มีชื่อว่า Kasumigajo ซึ่งด้านในจะเป็นสวนสวยมากๆ วันนี้ปราสาทมีงานเทศกาลตุ๊กตาประดับดอกไม้ คิคุ นิงเกียวมัตสึริพอดีเลยระหว่างที่เรารอชมไฟ เราก็สามารถเที่ยวที่นี่ได้อีก
ตัวปราสาทที่เป็นอาคารได้ถูกทำลายลงหมดแล้วทิ้งไว้แต่ป้อม และฐานของปราสาทบนยอดเขาซึ่งเดี๋ยวเราจะปีนไปดูกัน ที่สวนด้านในสวยงามมาก ต้องไปให้ถึงนะคะ มีจุดชมวิว และมีต้นไม้เพียบเลยค่ะ

ขบวนแห่ของหมู่บ้านนี้มีเด็กวัยรุ่น หนุ่ม-สาวมากมายเลยจริงๆ แตกต่างจากแถวบ้านที่โตเกียวเลยนะคะ มีคนสูงอายุเยอะกว่าวัยรุ่น เรียกได้ว่าเทศกาลนี้เป็นที่ชื่นชอบของทุกเพศทุกวัยเลยจริงๆ
ในระหว่างที่เราจะเข้าไปปราสาท เรามาเจอของดีอีกหนึ่งกิจกรรมที่แนะนำค่ะ คือการแต่งชุดนักรบ และกิจกรรมแต่งกิโมโนแบบฮิเมะซามะ (เจ้าหญิง) ในราคาที่ต้องร้องว๊าว ไม่แพงเลยลองสิคะ รออะไร มาแล้วมีเวลาด้วย ชุดเกราะ และชุดฮิเมะซามะ (ท่านหญิง) ในแบบดั้งเดิมของเมืองนิฮอนมัตสึ จังหวัดฟุกุชิมะ และแบบเซนได

สามารถสวมชุดเกราะ และกิโมโนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 17 พฤศจิกายนเท่านั้นนะคะ (พิเศษสำหรับช่วงมีเทศกาลตุ๊กตาประดับดอกไม้ คิคุนิงเกียวมัตสึริ)
ราคา สำหรับชุดเกราะ สวมได้ 30 นาที
ค่าเข่า 1,000 เยน + ตั๋วเข้าชมเทศกาลคิคุนิงเกียวแล้วนะคะ อยู่ที่ราคา 1,500 เยน
*ถ้าท่านใดอยากทานชาไปชมวิวไปด้วยให้รวบซื้อเป็นเซทบวกมัตชะพร้อมขนมที่ร้าน Senshintei ด้วยจะอยู่ที่ราคา 1,900 เยน (เดี๋ยวพาไปชมร้านชาเพื่อประกอบการตัดสินใจ)
ราคา สำหรับชุดเกราะ สวมได้ 30 นาที
ค่าเข่า 1,000 เยน + ตั๋วเข้าชมเทศกาลคิคุนิงเกียวแล้วนะคะ อยู่ที่ราคา 1,500 เยน
*ถ้าท่านใดอยากทานชาไปชมวิวไปด้วยให้รวบซื้อเป็นเซทบวกมัตชะพร้อมขนมที่ร้าน Senshintei ด้วยจะอยู่ที่ราคา 1,900 เยน (เดี๋ยวพาไปชมร้านชาเพื่อประกอบการตัดสินใจ)
*สำหรับชุดฮิเมะซามะ หรือกิโมโนจะให้เช่าและถ่ายรูปที่ร้านชา Senshintei เนื่องจากชุดยาวไม่สามารถใส่เดินเล่นในสวนได้

ชุดถ้าเราคิดว่าทัน 30 นาทีก็รีบเข้าไปถ่ายด้านในปราสาทได้นะคะ แต่ถ้าไม่ทันก็รอบๆ ก็แล้วกันเนอะ

ชุดนักรบนี้เป็นพลาสติก ข้อดีคือไม่หนัก แต่บางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่ของจริงรึเปล่า ความเห็นส่วนตัวมองว่าถ่ายรูปออกมาสวยนะคะ เพราะโลเกชั่นก็ดีด้วย บวกกับสีชุดสดใสดีค่ะ

ดอกคิคุหน้าตาเป็นแบบนี้เลยค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่แต่งชุดเกราะ และต้องการเข้าชมสวนนิฮอนมัทสึ Kasumigajo Castle Park และงานเทศกาลตุ๊กตาประดับดอกไม้ค่าเข้าชม 700 เยน
สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้ด้วย เพื่อนๆสามารถดูรายละเอียดของเทศกาลนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นได้ที่นี่ >> https://www.jalan.net/kankou/spt_guide000000107013/

เข้าไปเจอคุณป้าที่เป็นคนจัดดอกไม้พอดีเลยค่ะ คุณป้าน่ารักมากๆ เก่งมากๆ จริงๆ และด้านในมีจุดถ่าย IG ด้วย ประดับไปด้วยเจ้าลัคกี้ คาเรคเตอร์จากโปเกม่อน สาวกโปเกม่อนถ้าไปแล้วอย่าลืมแวะไปตรงนี้เพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึกนะคะ

เค้านำตุ๊กตามาตกแต่งพร้อมกับเล่าเรื่องราวในอดีตโดยหุ่นจะมีโครงที่เครื่องแต่งกาย เพื่อตกแต่งเสื้อผ้าด้วยดอกไม้แทนผ้า เป็นศิลปะที่สวยงามและน่าอนุรักษ์ไว้จริงๆ ค่ะ

สำหรับใครที่ชอบดอกไม้งานนี้ก็ไม่น่าพลาดนะคะ

แน่นอนว่ามากับเราต้องไม่พลาดของอร่อย อันนี้แนะนำเลย ไม่ใช่อร่อยเพราะหิวค่ะ เต้าหู้ทอดเค้าเอามาย่าง ราดซอส ราคา 300 เยน อร่อย ชิ้นใหญ่มาก

เมื่อคืนชุดของหนุ่มๆ กันไปแล้วเราก็เดินขึ้นเขาไป 555 เขา 300 เมตร วงเล็บว่าทางขึ้นเขา อันนี้ต้องใช้เวลาสักนิดค่ะ เพราะมันจะต้องไต่ขึ้น แต่ได้ออกกำลังดี ขึ้นไปเราก็ไปเจอซากที่เค้าบูรณะแล้ว

ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่เรียกได้ว่าอากาศดี ฟิน คิโมจี้มากๆ

เอาหล่ะหลังจากออกกำลังในการปีนเขาไปนั่งชมสวน ดูวิวเล่นกันค่ะ ใบไม้เริ่มมีแดงๆ แล้ว นั่งจิบชาเพลินๆ เนอะร้านมีชื่อว่า Senshintei ถ้าใครเช่าชุดกิโมโน แบบฮิเมะซามะ ก็มาถ่ายที่นี่ได้ค่ะ เป็นบ้านแบบโบราณ บรรยากาศดี๊ ดี!! ใครที่ไม่ได้ซื้อคูปอง เซทแล้วอยากมาดื่ม 500 เยน

ชาอร่อยดี เค้าเสริฟพร้อมขนมนะคะ
เมื่อเรามาทานชา ป้าที่ร้านบอกมีร้านที่สามารถทดลองทำขนมเองได้ด้านล่าง ลองไปทำดูมั้ยพวกเราจึงตกลงกันแบบงงๆ ตามคำแนำนำของป้า ราคา 1,500 เยน ซึ่งก็จะได้ขนมที่เราทำเอง กับขนมที่เจ้าของร้านทำให้อย่างสวยงาม 2 ชิ้นกลับไปทานจร้า

ดูความปราณีตสิคะ มันต้องใช้ประสบการณ์ + ความใจเย็นด้วยอะเนอะ เพราะลุงทำมา 20 ปี ส่วนพวกเราก็ทำ 20 นาที แต่ก็สนุกมากๆ ค่ะ กิจกรรมทำขนมก็เป็นจุดนึงที่ถ้าใครอยากรู้ว่าขนมญี่ปุ่น หน้าตาสวยๆ เค้ายังไง ก็ลองไปทำดูนะคะ

เอาหล่ะเริ่มหิวแล้วจร้าาาา ไปหาข้าวกินกันเถอะ ของที่เค้าบอกอร่อยสุดๆในย่านนี้คือยากิโซบะ !!!!
มาถึงนี่ ต้องกินยากิโซบะจริงเหรอ !?!? จะดีเหรอ แต่เราเชื่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานการท่องเที่ยวค่ะ ผู้รู้จริง เราต้องตามรอย

และพอไปถึงร้าน คนนั่งรอเพียบเลย สงสัยอร่อยจริงแฮะ เอาก็เอา ไปลองทานดูมีแบบใหญ่มหึมาค่ะราคาต่างจากแบบปกติแค่ 200 เยน จานปกติราคาแค่ 680 เยนก็ว่าเยอะแล้ว สำหรับใครไม่ทานเนื้อสัตว์ช่วงที่ไปทานเจพอดี จัดแบบนี้ได้นะคะขนาดยังไม่ได้ปรุงเลย แต่ก็อร่อยมาก
รสของซอสแบบนี้ไม่เคยเห็นมีในญี่ปุ่นนะคะ เค้าบอกเป็นสูตรเฉพาะ อร่อยมากจริงๆ จานใหญ่มากแต่เชื่อมั้ยกินหมด เส้นนุ่มเว่อร์
หลังจากทานข้าวเพิ่มอิ่มเราก็ไปเดินเล่นเพื่อรอชมมัตสึริ วันนี้ของกินเต็มเมืองเลย ได้ข่าวว่าเพิ่งกินยากิโซบะมา แต่เราก็ไม่พลาดที่จะต้องชิม

นี่แหล่ะสายกินที่แท้ทรู กินทุกสิ่งจริงๆ ค่ะพวกเรา

ช่วงเย็นๆ ก่อนจะถึงมัตสึริ เราก็มาทดลองเพ้นท์โคมไฟค่าทำราคา 1,000 เยนค่ะ หรือใครไม่ชอบเพ้นท์จะตกแต่งด้วยกระดาษสาก็ได้ค่ะ สนุกสนานกันไป จุดทำโคมไฟนี่ก็จะอยู่ด้านหน้าของศาลเจ้าเลย
นี่หน้าจะเครียดไปมั๊ย 55555

เสร็จแล้วจร้า

เมื่อทำโคมไฟเสร็จเราก็ออกเดินเล่น เพราะตอนนี้เริ่มมีรถของหมู่บ้านออกมาเยอะขึ้นแล้วค่ะ

ฟังเค้าร้องเพลง ตีกลอง สนุกสนาน บรรยากาศแบบญี่ปุ่นมากๆ เรารอเวลาให้มืดค่ะ และเค้าก็เริ่มจุดไฟ และแห่โคมกัน สนุกตรงเสียงกลอง เสียงแห่ ของผู้ร่วมขบวน คึกคักทั้งเมืองจริงๆ

เราตามขบวนไปในเมืองค่ะ ได้ถ่ายภาพใกล้ๆ ขบวนหลังจากพิธีเปิดก็ตอนที่เค้าปล่อยเดินเนี่ยแหล่ะค่ะ เพราะในช่วงก่อนเปิดงานเราแทบจะไม่ได้อยู่ใกล้กับตัวรถเลยค่ะ คนแน่นมากๆ ดูทุกคนมีพลังมากๆ ไม่เหน็ดเหนื่อยกันเลย เพราะสนุก

แล้วก็ร้านขนมที่แนะนำที่เราไปเจอโดยบังเอิญเพราะตามขบวนแห่ก็คือร้านที่สี่แยก ถ้าจากร้านขนมนี้เราสามารถชมขบวนแห่ได้อย่างใกล้ชิดในเวลาตั้งแต่หนึ่งทุ่มค่ะ หลายๆ คนก็จะมุ่งหน้ามากันที่จุดนี้ และใกล้ๆ กันก็มีร้านอาหารแนะนำด้วยพรุ่งนี้เราจะมาทานกันนะคะ ถ้าใครกลัวว่าจะเดินมาชมขวนแห่ไม่ถูกก็เอาร้านพิกัดอาหารพรุ่งเป็นตัวตั้งค่ะ รับรองได้เจอทั้งร้านขนมและร้านอาหารเพราะอยู่ตรงข้ามกันเลย

ร้านขนมนี้อยู่กลางสี่แยกเลย เราจะชวนทานซุนดะดังโงะและขนมโยกัง

หน้าตาเป็นแบบนี้ อร่อยมากมาย ซุนดะเป็นถั่วแระนะคะ คนในภูมิภาคโทโฮคุชอบนำมาคลุกกับโมจิ และดังโงะ ถ้ามาทานที่นี่จะไม่หวานค่ะ

และขนมโยกังของงานแห่โคม มีลักษณะพิเศษ คือเรียกว่าไอเดียดีเลิศ โยกังนี้มีขายที่สถานีด้วยและร้านนี้ก็มีขายค่ะ วิธีทานจิ้มที่ลูกมันแล้วลูกโป่งจะแตก ลูกโป่งจะเป็นเปลือกจะถูกแกะออกหมดเลยในทันทีแล้วกลายเป็นขนมโยกัง

แนะนำเลยค่ะร้านนี้ดีงามมากๆ

เมื่อชมโคมไฟเสร็จแล้วเราก็มาทานข้าวกันค่ะ วันนี้เมืองคึกคักมากๆ เหมือนอยู่ในโตเกียวเลยวันนี้ เราเลือกทานโอเด้งค่ะ

เป็นโอเด้งหม้อไฟ และร้านนี้ก็มีเมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วยอย่างเช่นไข่ปลาคอทย่าง หรือเมนไตโกะย่างนั่นเอง และเนื้อตุ๋น ชื่อร้านโอเด้ง มิโชชิ เป็นร้านเก่าแก่
เว็บไซด์ของร้าน >> https://onigiriodenmiyoshi.jimdo.com
พิกัด >> 37.590656, 140.435781
เมื่อทานข้าวอิ่มแล้วเอาหล่ะถึงเวลาพักผ่อนแช้น้ำแร่สักที เราจะไปที่พักกันแล้วค่ะ วันนี้จะมาพักที่ mt.Inn

บรรยกาศรอบๆ ในโรงแรมนอกจะเป็นแนวแอดแวนเจอร์นะ แต่เมื่อเข้าไปในห้องก็จะเป็นอีกแบบนึงเลย เป็นห้องเสื่อแบบญี่ปุ่น

ที่นี่มีออนเซ็นด้วยนะคะ น้ำแร่ก็ช่วยผ่อนคลายเราวันนี้เดินเยอะมากๆ เลย แล้วก็ในเรื่องผิวพรรณรูขุมขนเล็กลงด้วย เพราะฉะนั้นมาแล้วต้องอย่าลืมแช่นะคะ

หลับสบายสุดๆ ไปเลยค่ะ เพื่อนๆ ตื่นขึ้นมาก็หิวอีกแล้วไปทานข้าวกันมื้อเช้าที่นี่จะเน้นแบบสุขภาพ

เดี๋ยววันนี้เข้าไปนั่งทำกระดาษเล่นๆ กันค่ะ ด้านหลังพอดีเค้ามีสวนด้วย เป็นบ้านน่ารักๆ ที่นี่มีเจดีย์ที่เป็นจุดสักการะองค์พระโพธิสัตว์ด้วย

ค่าทดลองทำกระดาษอยู่ที่ราคา 200 เยนค่ะ

นั่งทำอย่างสนุกสนาน ใครทำเสร็จแล้วอยากจะเอากระดาษที่ทำเสร็จแล้วเอาไปทำอย่างอื่นต่อก็ได้ ทำง่ายมากๆ สนุกด้วย

หลังจากทำกระดาษแล้วอีกที่ๆ ต้องการแนะนำคืองานไม้ค่ะ เราเลือกทำตะเกียบซึ่งคิดว่าง่ายๆ ไม่ง่ายเลยค่ะ ก็ต้องออกแรงขัดกันหน่อย แต่สนุกดีนะคะ สามารถเอาไปเป็นของฝากด้วยค่ะเป็นตะเกียบที่มีความเลอค่า ดูแพงจริงๆ เพราะวัตถุดิบต่างๆ ทำมาจากของที่ถูกถ่ายทอดมาจากอดีต

ค่าทดลองทำตะเกียบจะอยู่ที่ราคา 2,500 เยนค่ะ ได้แล้วตะเกียบที่ทำจากฝีมือของเรา รายละเอียดร้านตะเกียบสามารถสอบถามได้ที่หน่วยงานการท่องเที่ยวที่สถานีเพิ่มเติมได้นะคะ

อาหารมื้อกลางวันสำหรับวันนี้ เราจะไปทานข้าวที่ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ ร้านนี้ดีงามมากมาย เป็นจุดที่เอาไว้ถ่ายรูปลง IG ได้สวยๆ แนะนำจริงๆ ร้านมีชื่อว่า Kura Café Sen no Hana

ที่นี่เป็นกึ่งคาเฟ่ที่นำเอาวัตถุดิบจากท้องถิ่นมาปรุง ขนาดแอดเป็นคนที่บางครั้งก็เบื่ออาหารญี่ปุ่น แต่มื้อนี้กินข้าวหมดทุกเม็ดเลย

อาหารที่เสริฟมาในเซทก็มีส่วนผสมของพวกโชยุที่ทำเองในเมือง ร้านทำจากโกดังเก็บของ เก็บสมบัติ ในอดีตหรือที่เรียกว่า Kura
ที่นี่มีที่จอดรถนะคะ ถ้าเช่ารถไปจะเดินทางสบายมาก ถ้าเดินจากสถานี Nihon Matsu แอดว่าใช้เวลาเดินอาจจะประมาณ 20 นาที
แต่ตรงข้ามกับร้านข้าวมีร้านดังโงะอร่อยที่เมื่อคืนไปทานค่ะ
ที่นี่มีที่จอดรถนะคะ ถ้าเช่ารถไปจะเดินทางสบายมาก ถ้าเดินจากสถานี Nihon Matsu แอดว่าใช้เวลาเดินอาจจะประมาณ 20 นาที
แต่ตรงข้ามกับร้านข้าวมีร้านดังโงะอร่อยที่เมื่อคืนไปทานค่ะ
ดูพิกัดร้านได้จากที่นี่ค่ะ >>
http://kunitaya.jp/
http://kunitaya.jp/
จบทริปนี้แล้ว และแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องกลับแล้ว ยังสนุกอยู่เลย อยากไปดูใบไม้แดงที่นี่จัง ถ้าเพื่อนๆ คนไหนว่างแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่นะคะ สวยทุกฤดู
ใครที่สนใจจะเที่ยวแบบนี้สามารถสอบถามได้ที่หน่วยงานการท่องเที่ยวของเมืองเมื่อมาถึงนะคะ ที่นี่มีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำปรึกษาทุกๆ คนด้วยความยิ้มแย้มน่ารักเลยค่ะ คนต่างจังหวัดใจดีมีน้ำใจไปเที่ยวเมืองนิฮอนมัตสึกันเยอะๆ นะคะ
Categories: จุดท่องเที่ยว, ญี่ปุ่น, ที่พัก, บันทึกของโซโนโกะ, อาหาร