605 ห้องหลอนกลางเมืองหลวง ตอนที่ 2

ตอน2 เรื่องของสองสาวร่วมห้อง

หลังจากนั้นก็ทำใจให้รู้สึกว่าอยู่ได้ ไม่มีอะไรหรอก เจ้าที่เจ้าทางเค้าคงมาบอกว่าเออ เค้ามีตัวตนอยู่นะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเปล่าๆ นะ

เราก็อยู่แบบเสียวๆ นิดหน่อย เพราะบ้านค่อนข้างจะใหญ่ แต่อยู่กันสองคน แล้วบ่อยๆ ที่เราต้องอยู่คนเดียวถึงเที่ยงคืนกว่าๆ กว่าน้องมันจะกลับมา จนกระหนึ่งมีอยู่วันหนึ่ง น้องบี กลับมาเร็ว แล้วนางรู้สึกเหนื่อยๆ เลยกลับมานอนอย่างเร็วเลย ประมาณ สองทุ่มกว่าๆ ก็นอนแล้ว เราก็เลยเข้าไปปูที่นอนบ้าง แล้วก็คุยโทรศัพท์ทางไลน์กับน้องหนึ่ง(ชื่อสมมุติ) ซึ่งตอนนั้น หนึ่งอยู่ไทย คุยกันคริกครักๆ ก็ได้ยินบีพูดไม่รู้เรื่อง ปกติบีก็มีละเมอบ้างไรบ้าง แต่ครั้งนี้ บีร้อง มือไม้ ผายออกแบบขอความช่วยเหลือ แล้วก็พูดอือๆ ๆๆ เหมือนหายใจไม่ออก เราเลยบอกหนึ่งวว่า เดี๋ยวนะหนึ่ง บีเป็นไรไม่รู้ เหมือนจะเรียกให้ช่วย เราก็เลย ปลุกบี แล้วบอกบีว่า เห้ย เป็นไรอ่ะ

บีตัวสั่นแล้วบอกกับเราว่าเจ๊ๆ พี่เห็นใช่ป่ะ

เราก็ตอบไปว่า เห็นอะไรบี ไม่เห็น ได้ยินอย่างเดียว ได้ยินเหมือนบีให้ช่วย หายใจไม่ออก

บีเล่าว่า เจ๊ บีนอนอยู่แล้วมีผู้หญิงมา (ซึ่งตอนนั้นบีไม่ยอมเล่าหมด เพราะกัวว่าเราจะกลัว)

บีเล่าว่า คนๆ นั้นเค้ามายืนตรงหน้าประตูห้อง เพราะเป็นห้องแบบประตูกระดาด เลื่อนๆ (ปลายเท้าของปี) แล้วบอกบีว่า ให้ไปอยู่กับเค้า บีบอกว่าบีไม่ไป เค้าก็เลยลากวิญญาณบีออกจากร่าง บีหลุดผ่านประตูกระดาษไปหน้าห้อง แล้วเค้าลาก บีทรามานมากแล้วเห็นพี่คุยโทรศัพท์อยู่เลยขอให้พี่ช่วย แต่พี่ไม่เห็นบี

เราเลยบอกว่าคงฝันแหล่ะ ไม่แปลกหรอก บีบอกว่า บีรู้สึกว่านอนไม่หลับ เพราะกลัว หัวใจเต้นแรงมาก แล้วตอนเช้า บีก็ไปเจอกับเบลล์ น้องเรา ที่มานอนอยู่โรงแรมใหญ่ในชินจุกุ เบลล์มานอนกับพี่อีกคน ซึ่งพี่อีกคนก็เจอผีบ่อย แล้วบีก็ไม่ยอมกลับบ้าน ทั้งๆ ที่เจอเบลล์ครั้งแรกแต่กลับขอนอนกับเบลล์ เราเลยต้องไปตามริวมานอนเป็นเพื่อน ซึ่งตอนนั้นก็ไม่เข้าใจบีว่าบีเป็นอะไร บีบอกว่าแค่พูดถึงห้องบีก็ขนลุกขนพอง

เราเลยบอกบีว่าลองให้แม่แผ่เมตตาให้เค้าไป อาจจะมีคนอยากได้ส่วนบุญ

จนบีกลับจากห้องเที่ไปนอนกับบลล์มา บีบอกว่าบีรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วมีบางอย่างที่บีไม่ได้บอกเจ๊

เราเลยบอกว่าทำไมไม่บอกให้หมด บีบอกว่ากลัวว่าเจ๊จะกลัว

สิ่งที่บีเล่าคือ

ในตอนที่เค้าก่อนจะลากวิญญาณบีไป บีบอกว่าภาพที่เห็นคือเค้าแขวนคอตายตรงบีนอน ตรงที่นอนพอดีเลยแล้วเค้าทำซ้ำๆ ไปซ้ำๆ มา บีบอกว่านี่คือสาเหตุที่ไม่กล้ากลับไปห้อง

บีรู้สึกไม่สบายใจแบบสุดๆ จากนั้นเราต่างคนต่างก็กลับไทยกัน แล้วไปนัดเจอกัน ซึ่งวันนั้น เราเองก็ไม่สบายใจวันกลับไปไทย บีกลับไปก่อนแล้วไปวัด

ส่วนเรากลับตามมาเลยมาเปิดไพ่ยิปซีดูว่า สิ่งที่บีฝันมันมีความหมายยังไง

ตอนเราเปิด เราบอกว่า ขอให้เปิดแล้วได้สิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่ ซึ่งก่อนเปิดนั้น หมอคนนั้นบอกกับเราว่าในไพ่สำรับนี้อ่ะ จะมีไพ่ที่เกี่ยวกับความลึกลับอยู่ไม่กี่ใบ ถ้าคิดว่าอยากจะรู้เรื่องคนแขวนคอตายในห้องมีจริงรึเปล่าน่ะ ให้คิดว่าถ้าเรื่องจริง ให้เค้าออกมาเป็นไพ่คนห้อยหัว แล้วก็เดอะเดท เดอะมูน และแล้ว สิ่งที่เปิดได้คือ ไพ่ The moon และไพ่คนห้อยหัว เป็นสองในสามที่เค้าคาดว่าจะเปิด ซึ่งไพ่สองใบนี้ คือความมืดครื้ม แล้วหมอดูคนนั้นก็ถ่ายรูปไพ่ที่เราเลือกขึ้นมาสองใบนั้นแล้วบอกว่าผมว่าผมมีหน้าที่อ่านไพ่นะ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงครับ

เค้ามีตัวตน ผมไม่รู้ว่าการทำบุญอุทิศส่วนกุศลสำหรับคนฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นมีรึเปล่า แต่ผมคิดว่าควรจะย้ายบ้านออกไป หรือไม่ก็อีกทางคือ ยอมเป็นมิตรกับเค้า ซึ่งให้รอน้องอีกคนนึงซึ่งเค้าจะเข้ามา น้องคนนั้นเค้ามีคนคุ้มครอง คิดว่าเค้าน่าจะสื่อได้มากกว่าน้องอีกคนที่อยู่กับคุณ ถ้าน้องคนนั้นมาเมื่อไหร่ เค้าคงออกมาอีกแน่

แต่ที่เค้าเลือกสื่อกับน้องบี เค้าน่าจะรู้ว่าน้องบีบุญเยอะเค้ามีแม่เข้าวัดเข้าวา เลยคิดว่าคนนี้ขอส่วนบุญได้ แล้วคุณเป็นคนสื่อได้ก็จริงแต่คุณไม่ใช่คนที่เค้าเลือก

จุดนั้น หลังจากได้ยิน เรื่องแบบนี้ในบ้านนั้น เรารู้สึกเลยว่าเรากลัวมาก น้ำตาไหลออกมาเองปริ่มๆ คือคิดว่าเราเสียเงินไปเยอะมาก เราจะทำยังไงกับบ้านดีนะ ก็ถามเพื่อนที่ไปด้วยว่า เราจะบอกบีดีมั๊ย ซึ่งเรามีนัดกับบีพอดี เพื่อนบอกว่าควรจะบอก

เมื่อเจอหน้าบี เราก็บอกบีว่า เรามีเรื่องจะบอก แต่เรื่องนี้มันพิสูจน์ไม่ได้นะ เราไม่คิดว่ามันจะจริง 100% แต่ขอให้บีฟัง

บีก็บอกว่าเจ๊ บีก็มีเรื่องจะบอกเจ๊ แต่ว่าเจ๊จะกลัว จะเอายังไง บีก็ไม่รู้ แต่บีว่าบีปิดเจ๊ไม่ได้แน่ๆ เพราะเจ๊มีเซนส์

ปรากฎว่าเราให้บีเล่าก่อน เพราะเราไม่มีอะไรจะเสีย สิ่งที่บีเล่าคือ บีไปหาพระ พระบอกว่าบีดวงตกมากมีวิญญาณอยากจะสื่อกับบี

คนๆ นั้นอยู่ในบ้านที่บีอยู่ๆ ตอนนี้ เค้าแขวนคอตายจริงๆ แต่นานมากๆ แล้ว ไม่ใช่ห้าปีสิบปีนี้ (เนื่องจากตึกนี้เก่าแล้ว สามสิบปี) แล้วเค้าเลือกให้บีมาอยู่เพราะอยากจะเกาะบุญบี แต่ถ้าบีขออะไรเค้าเค้าน่าจะให้นะ ขอให้บีทำบุญให้เค้าบ่อยๆ วันที่เค้าออกมาเป็นวันที่เค้าตายพอดี เค้าต้องออกมาทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา อยู่ตลอด ให้บีทำใจให้อยู่ร่วมกับเค้าให้ได้

ซึ่งพอเราเล่าของเราให้บีฟัง ก็คือต่างคนต่างก็สยองมากๆ

แล้วหลังจากนั้น เราก็ป่วยหนัก แบบว่าต้องเข็นรถขึ้นเครื่องบินกลับเลย คราวหน้าค่อยมาฟังต่อนะ ว่าเราจะทำยังไงกับการกลับไปแล้วต้องอยู่ในบ้านราคาแพงๆ ที่เคยมีคดีนั้นให้ได้อ่ะ

ตอนต่อจากเรื่องของบี เป็นเรื่องของเอ็มแล้วค่ะ 

เอาหล่ะ เรามาดูกันว่าชีวิตหลังจากที่ได้รู้ว่าในบ้าน ไม่ได้มีแค่เรากับบี และเอ็มจะย้ายตามมาอยู่ แต่มีคุณยายที่เป็นเจ้าของที่นี้ แบบอยู่เก่าแก่มานานร่วมอยู่กับเราด้วยจะเป็นยังไงบ้าง

ตอนกลับมาจากไทยหลังจากได้คุยกับบีแล้ว สภาพเราแบบไม่สบายหนักอ่ะถึงกับต้องนั่งรถเข็นกลับมาเลยเพราะอยู่ดีๆ ก็ปวดหัว ไข้ขึ้นสูง และอาเจียนจนเดินไม่ได้

IMG_8787

หลังจากกลับมาถึงแล้วบีไปทำงานไกด์ด้วยทันทีหลังลงเครื่องบิน เราต้องอยู่คนเดียว พัตโตะมีแฟนมาเที่ยวญี่ปุ่นพอดี แฟนพัตโตะเลยมาดูแล ระหว่างป่วยนั้น พูดก็พูดเหอะมันทรมานมากๆ เหมือนอาการจะดีขึ้น พอมาถึงญี่ปุ่นก็ยิ่งทรุด แฟนพัตโตะก็ไม่ได้นอนไปด้วย จนกระทั่งเอ็ม จะต้องย้ายของเข้ามาอีกไม่กี่วัน แล้วรู้ว่าเราไม่สบาย เอ็มเลยเอายามาให้พร้อมยันต์ที่แม่ให้ เอามาติดที่บ้าน ทั้งที่เอ็มไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เอ็มมีของไว้อยู่แล้ว

จากนั้นก็ประมาณ 1 อาทิตย์กว่าเราจะหายป่วย แล้วเอ็มก็ย้ายเข้ามาพอดี ระหว่างเอ็มไม่อยู่บ้านในช่วงแรก  เอ็มไม่เคยรู้ว่าพวกเราเจออะไรกันมา  และอีกหนึ่งตัวละครคือน้องหนึ่งที่อยู่ในสาย ตอนบีเจอลากวิญญาณน่ะก็มาญี่ปุ่นแล้วขอมาดูบ้านหลังนี้ ซึ่งเราก็พาหนึ่งมาเอาของ หนึ่งพอจะรู้มาบ้างว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะได้เล่าให้ฟังว่า เราต้องทนอยู่ที่นี่เพราะว่าเราเสียเงินกับค่าแรกเข้าไปเยอะ

เมื่อหนึ่งได้มาดูบ้าน หนึ่งเปิดห้องเสื่อซึ่งเป็นห้องของบี หนึ่งหันมาพูดด้วยสายตาเข้มๆ ว่าห้องนี้น่าอยู่จังนะคะ” 

พูดแล้วยังขนลุก เพราะหนึ่งเองไม่น่าจะรู้ตัวด้วย ว่าหนึ่งดูคล้ายๆ กับตอนที่บีอยากได้บ้านหลังนี้ ตอนนั้นหนึ่งไม่เคยคิดจะมาอยู่ญีปุ่นเลยสักนิด แล้วเราก็ไปส่งหนึ่งตอนเดินไปส่งยังแอบๆ กลัวเลย เราไม่กล้าอยู่บ้านหลังนั้นคนเดียวในบางวัน วันนั้นก็เป็นอีกวันที่ไปนั่งเล่นแมคโดนัล แล้วรอให้บีกลับมากค่อยกลับบ้าน

เมื่อเอ็มย้ายเข้ามาอยู่ได้สัก 2 อาทิตย์เราก็คุยกับบีว่าดีแล้วแหล่ะที่เอ็มไม่โดนอะไรเลย คือเอ็มนอนคนเดียว อันนี้เรากลัวกันมากว่าเอ็มจะโดนอะไรแล้วพวกเราไม่รู้

IMG_8786 2.jpg

เพราะเจ้าน้องคนนี้ แต่ก่อนอยู่บ้านเกสเฮ้าส์ด้วยกัน นางเจอบ่อยมากๆ ตื่นมาขาเป็นรอยมือเด็กมาบีบที่แขนที่ขาก็มี เราวางใจกันมากว่างเอ็มรอด ซึ่งวางใจได้แค่ไม่กี่วัน

ตอนเช้า ก่อนบี และเอ็มจะไปโรงเรียน แล้วเรากำลังตื่นมาแต่งหน้าไปทำงาน

เอ็มเดินออกมาจากห้องนอนแล้วน้ำตานองหน้า เข้ามากอดแล้วบอกว่าพี่ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย เรางี้ตาลุกวาว แล้วบอกว่าเอ็มๆ เป็นอะไรเหรอ นอนไม่หลับก็มาปลุกพี่สิ ทำไมไม่ปลุกอ่ะ เกิดไรขึ้น ไม่สบาย ??!!?!?

เอ็มชี้ไปที่ตู้ แล้วบอกว่ามีผู้หญิง โผล่ออกมาจากตู้โดยไม่ต้องเปิดตู้เลย จากนั้น เค้าลากเอ็มออกจากที่นอน เราเลยถามว่าฝันรึเปล่า เอ็มบอกเหมือนหลับไปแล้วเค้าลาก ก็ตื่นขึ้นมา จากนั้น เค้าก็หายไป เอ็มก็หลับไปอีกเพราะคิดว่าฝัน แต่ไม่ใช่ หลับกี่รอบก็ถูกลากอีก เอ็มเลยบอกนี่มันไม่ใช่ละ ทำไงดี มันน่ากลัวมากๆ เอ็มกลัว

จากนั้นเอ็มเลยโทรหาแม่ แม่บอกว่าให้เปิดเพลงสวดมนต์ ก่อนนอนทุกคืน เราไปนอนเป็นเพื่อนเอ็มสองคืน หลังจากนั้นเราก็คุยกับบีว่าจะทำไงดี บอกเอ็มมั๊ย บีบอกว่าเอ็มมีหิ้งพระ มียันต์ มีแม่เค้าคุ้มครอง ยังไงเอ็มก็รู้แน่ๆ ว่าบ้านหลังนี้มี ก็บอกแค่ว่ามีแล้วกัน

หลังจากนั้นไม่นาน หนึ่งโทรมาบอกเราว่า พี่ช่วยติดต่อโรงเรียนภาษาให้หน่อย หนึ่งอยากอยู่ญี่ปุ่น หนึ่งอยู่ไทยไม่ได้แล้ว อยากมาเรียนภาษาญี่ปุ่น ไม่รู้ทำไม หนึ่งอาจจะขอไปอยู่บ้านพี่แล้วกันช่วงแรก จากนั้นค่อยว่ากัน แล้วหนึ่งก็รีบทำวีซ่า เราคิดเลยหนึ่งคงมีกรรมร่วมกับพวกเรามาแต่แรกแหล่ะ เพราะเรากำลังคุยโทรศัพท์กับหนึ่งในตอนบีโดนด้วยอ่ะ

กลับมาในส่วนของเอ็ม

หลังจากนั้น ตัดสินใจเรียกเอ็มคุย แล้วบอกกับเอ็มไปว่าพวกพี่ก็เจอ เราจะทำยังไงกันดี เราจะต้องทนอยู่กันต่อนะ ส่วนบี บอกว่าบีจะอยู่กับเค้าให้ได้ เราต้องใช้ชีวิตร่วมกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น ซึ่งหลังจากนั้น บีไม่เคยเจอเค้าอีก เพราะบีตั้งใจจะอยู่กับเค้าให้ได้ บีบอกว่าบีเองยังมั่นใจเค้ายังอยู่แต่บีไม่กลัวละ ซึ่งกว่าจะผ่านจุดกลัวสุดขีดพวกเราก็ทำใจกันอยู่นาน

ส่วนเอ็มก็เจอแบบเดิมเรื่อยๆ จนทำใจให้ชิน ไม่ร้องไห้

และแล้วเราก็ต้องมีเหตุย้ายออก เพราะต้องจะแต่งงาน แฟนเลยเตรียมบ้านไว้ให้ ก่อนจะย้ายออก ช่วงนั้นก็คิดว่าจะมีการส่งท้ายกันมั๊ยเนี่ย เพราะบียังอยู่ต่อกับเอ็มอาจจะไม่โดนอะไร น้องทั้งสองก็ประกาศหารูมเมทใหม่ แล้วคนที่มาอยู่ใหม่ก็คือหนึ่งนั่นเอง เรายังนึกหน้าหนึ่งตอนที่บอกว่า “ห้องนี้น่าอยู่จังนะคะ” ได้เลยอ่ะ

แล้วก่อนออกก็เจอจนได้ ซึ่งเราก็เจออีกครั้งส่งท้ายที่หนักพอสมควรคือ เราอยู่บ้านสองคนกับบี จากนั้นเราเข้าไปในห้องแต่งตัวของเรา

แล้วเดินออกมา เห็นบี ยืนเกาสิวอยู่หน้าทีวี ก็ไม่ด้คิดอะไร จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนกดชักโครกในห้องน้ำ ตอนนั้นขนหัวลุกเลย คิดว่าชักโครกกดเอง เลยทำทีถามบีว่า เห้ยบีกินข้าวรึยังอ่ะ เสียงบีออกมาจากห้องน้ำ บีอยู่ในห้องน้ำ เหตุการณ์พลิกล็อก เราคิดว่าชักโครกกดเอง แต่เปล่า บีอยู่ในห้องน้ำนานแล้ว แล้วสิ่งที่เราเห็นยืนเกาสิวหล่ะ คืออะไร T-T

มองไปอีกทีคนแกะสิวหายไปแล้วอ่ะ

จากนั้นรีบไปยืนล้างหน้าหน้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องพาว์เดอร์ มีอ่างล้างหน้า แล้วจำได้ว่ามองไปในกระจกผมมันลุกขึ้นมาหลายเส้นเลย ที่ต้องไปยืนตรงนั้น เพราะจะได้อยู่ใกล้ๆ บี กลัวมาก รอจนบีทำธุรเสร็จ แล้วถึงเลิกล้างหน้า ตอนนั้นไม่กล้าเล่าให้บีฟัง แต่มาเล่าอีกทีตอนเช้า

จากนั้นเราก็ย้ายออก แล้วหนึ่งก็เข้ามาอยู่ หนึ่งน่าจะเป็นคนเดียวที่ไม่เจออะไรเลย เพราะนางดวงแข็งมากๆ ส่วนเอ็ม ไม่นานก็ย้ายออกเพราะกลับไทย แล้วให้เพื่อนสนิทมาอยู่ในห้องเก่าเอ็มแทน

เอ็มเล่าว่า เวลาวีดิโอคอลคุยกับเพื่อนสนิทก็มักจะเห็นผู้หญิงคนนึงมายืนอยู่ข้างหลังบ้างในบางที แต่เพื่อนสนิทเอ็มก็มานอนแล้วไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแปลกๆ นะ

บีกับหนึ่ง และเพื่อนสนิทเอ็มก็อยู่จนครบสัญญาบ้าน แล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป และที่แอบขนลุก คือ วันย้ายเข้าคือวันที่ 10 ตุลาคม 2013 แล้วอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เนื่องด้วยชื่อเป็นชื่อเรา เจ้าของบ้านขอร้องให้ไปคืนกุญแจแล้วย้ายออกในวันที่ 10 ตุลาคม 2015 ซึ่งจริงๆ จะไปหลัง หรือก่อนวันนั้น ก็ได้ แต่มันบังเอิญจริงๆ

ถ้าดวงวิญญาณของคุณยาย ยังอยู่ในบ้านหลังนั้น เราขอให้ท่านได้รับบุญที่พวกเราพลัดกันทำไปให้

ส่วนคนที่ย้ายมาอยู่ต่อก็ขอให้ดวงแข็งอย่าจูนคลื่นกับยายติดเลย เพราะยายปรากฎตัว แสดงตัวทีนี่ โหดมากๆ

และน้องบางคนไปบ่อยๆ ก็ไม่เคยเจอ ไปนอนทับที่เค้าเลยอย่างเช่นน้องจูน แต่อย่างเพื่อนบางคน เช่นมด ไปนอนก็มียายมาเยี่ยมเหมือนกันแต่ไม่โหดมาก

เหตุการณ์นี้ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราคิดว่าเราไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว กลัวมากๆ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s